หลังจากที่ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล รังสรรค์ผลงานอย่างสุดยอดออกมาในช่วงแรก แต่ในช่วงก่อนจะพักเบรกโควิด ฟอร์มการเล่นของเหล่าเครื่องจักรสีแดง ก็ดร็อปลงจากการแพ้ 3 ใน 4 นัด จนเป็นเหตุให้ตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการ ซึ่งก็คือการถูก แอตฯ มาดริด เขี่ยตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก และ ถูกเชลซี เขี่ยตกรอบ FA CUP รวมถึงการแพ้นัดแรกในลีก ด้วยน้ำมือของทีมหนีตายอย่าง วัตฟอร์ด

แต่ถึงกระนั้น การที่ผู้คนต่างเอาเรื่องที่ว่ามี ‘ใคร’ เคยเลี้ยงผ่าน เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค บ้าง  รวมถึงการที่พวกเขากลายเป็นทีมแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้สัมผัสบอลในเขตโทษตลอดทั้งเกม ยิ่งตอกย้ำกว่าปีนี้คือปีของพวกเขาจริง ๆ

ชัยชนะต่อเนื่อง บวกกับสถิติสวย ๆ ทั้งของทีม และรายบุคคล นั่นจึงทำให้ชั่วโมงนี้ ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่มีแฟนลูกหนังรับชมมากที่สุด โดยในเกมที่เจ๊ากับ เอฟเวอร์ตัน 0-0 ได้ถูกบันทึกจาก สกาย สปอร์ตส ว่ามีผู้ชมทางบ้านสูงถึง 5.5 ล้านคน ล้มสถิติเดิมในเกมที่ แมนฯ ซิตี้ เบียดชนะ แมนฯยูไนเต็ด 1-0 ในปี 2012 ที่มีผู้ชมทางบ้าน 4.04 ล้านคน

แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะ โควิด-19 ที่ทำให้ผู้ชมไม่สามารถเดินทางไปชมที่สนาม บวกกับการที่ฟุตบอลเพิ่งกลับมาเตะ จึงทำให้ผู้คนโหยหาในการดูฟุตบอลมากขึ้นกว่าเดิม ผนวกกับการที่ ลิเวอร์พูล กำลังเข้าใกล้การคว้าแชมป์ไปทุกขณะ

ลิเวอร์พูล ขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์ลีกสมใจหมาย

และชัยชนะของ ‘เชลซี’ ที่มีต่อ ‘แมนฯ ซิตี้’ 2-1 ก็ส่งให้ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูลขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์ลีกสมใจหมาย ซึ่งนับเป็นแชมป์แรกภายใต้ชื่อที่เปลี่ยนมาเป็น ‘พรีเมียร์ลีก’ ครั้งแรกของสโมสรอีกด้วย

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเครื่องหมายคำถามถึงฤดูกาลถัดไปของทีมหงส์แดง ถึงขุมกำลังที่แม้จะ ‘สุดยอด’ แต่ก็ดูจะยังไม่เพียงพอในขุมกำลังทดแทน สามประสานในเกมรุกอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ แฟร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ ที่ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไป เกมรุกตรงนั้นจะตันทันที รวมถึงเกมรุกทางฝั่งซ้ายที่พร้อมจะบอดทุกเมื่อหาก แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไม่ได้ลงสนาม

                นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่า ‘แอฟริกัน เนชั่น คัพ’ ที่จะเตะในเดือนมกราคาปีหน้า จะทำให้ลิเวอร์พูล ต้องเสียนักเตะไปเล่นถึง 3 รายด้วยกัน ได้แก่ นาบิล เกอิต้า, ซาดิโอ มาเน่ และ โม ซาล่าห์

                แค่คิดก็เหนื่อยแล้วหากหวังจะให้ โรแบร์โต้ แฟร์มิโน่ กองหน้าสายซัพ ที่ต้องมาแบกแนวรุกทดแทนการจากไปของอีกสองคน ส่วน ดิวอค โอริกี้ ก็ดูท่าจะเหมาะเป็นตัวซุปเปอร์ซัปนำโชคของทีมเสียมากกว่าการลงเป็นตัวจริงที่หาสาระไม่เจอ

ลิเวอร์พูล

                ส่วนนักเตะใหม่อย่าง มินามิโนะ และ นักเตะป้ายแดงอย่าง ติโม แวร์เนอร์ แม้ว่าจะเก่งมาจากไหน แต่เมื่อคุณมาเล่นในลีกที่ขึ้นชื่อว่าหินที่สุดในโลก คุณต้องปรับตัวแน่นอน ไม่มากก็น้อย

หลังเกมลีกนัดที่ 38 จบลง สิ่งที่ คล็อปป์ และลูกทีมต้องทำ ก็คือการเฉลิมฉลองปล่อยผีให้เต็มที่ ดีใจให้เร็วที่สุด และต้องรีบหาแรงกระตุ้นใหม่ให้เร็ว เพราะการได้แชมป์ลีกในครั้งนี้ จะทำให้ ลิเวอร์พูลผ่อนคลายไปอีกยกใหญ่

ทุกทีมรู้ถึงความสุดยอดของลิเวอร์พูล และพวกเขาจะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อไล่ตามทีมที่อยู่จุดสูงสุดในปีนี้ ซึ่งถ้าหงส์แดงยังย่ำอยู่กับที่ หลงระเริงอยู่กับความสำเร็จ คงได้มานั่งเสียใจกันภายหลังแน่ ๆ

ไม่ควรพลาดข่าวสารวงการฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น ที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ Ball-Hub