15 ผู้จัดการทีม กับอีก 5 เจ้าของสโมสร ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป การรอคอยอย่างยาวนานถึง 16 ปีของแฟนบอล ‘ยูงทอง’ ลีดส์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ตกชั้นจากลีกสูงสุด วันนี้ ฝันพวกเขากลับมาเป็นจริงอีกครั้ง

95 สนามที่พวกเขาได้เดินทางไปแข่งแบบไม่ซ้ำ อันดับร่วงต่ำสุดของสถิติสโมสร ลงไปเล่นในลีกวัน และแพ้ให้ทีมอย่าง นิวพอร์ต เคาน์ตี้ ในฟุตบอลถ้วย เคยแพ้ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 6-0 จนกุนซือเกือบถูกปลดในช่วงพักครึ่งมาแล้ว

ลีดส์ ยูไนเต็ด

บัดนี้ ‘ยูงทอง’ ลีด ยูไนเต็ด ได้ทำแต้มสูงสุดเป็นสถิติ และ ‘ขออนุญาต’ กลับคืนสู่ ‘พรีเมียร์ลีก’ อย่างสง่าผ่าเผยดังนกยูงที่แพนหางสีทองอร่ามไปทั่วเกาะอังกฤษ

ย้อนกลับไปปี 2004 ณ สนามเหย้าของโบลตัน

“เรากำลังตกชั้นแต่เราจะกลับมา”

นั่นคือเพลงที่เหล่าแฟนบอลยูงทองพากันร้องในปีที่พวกเขากำลังจะตกชั้นในปี 2004

ด้วยความศรัทธาอย่างเปี่ยนล้น พวกเขาไม่ได้กลัวที่จะต้องดิ้นรนกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง พวกเขาคือทีมใหญ่ และเต็มไปด้วยผู้เล่นฝีเท้าดีมากมาย อาทิ ริโอ เฟอร์ดินานด์, อลัน สมิธ, แฮร์รี่ คีวล์, ลี โบว์เยอร์, มาร์ค วิดูก้า, พอล โรบินสัน รวมถึง โจนาธาน วู้ดเกท

ลีดส์ ยูไนเต็ด

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ทีมที่ยิ่งใหญ่อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด จะต้องรอคอยเกือบ ๆ 2 ทศวรรษ !

ในฤดูกาล 2003/04 ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ ตกชั้นด้วยตำแหน่ง ‘รองบ๊วย’ โดยหลังจบฤดูกาลนั้น โดย แฮร์รี่ คีวล์, ลี โบว์เยอร์, โอลิวิเยร์ ดากูร์ รวมถึง ไนเจล มาร์ติน ถูกส่งออกจากทีมในราคามิตรภาพ

‘อลัน สมิธ’ หนึ่งในนักเตะผู้เคยออกตัวว่าเขาจะไม่มีวันทรยศย้ายไปเล่นให้กับทีมคู่ปรับ จบฤดูกาล สมิธ ก็ย้ายไปร่วมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ รวมถึงนักเตะหลายคนที่ต้องโบกมืออำลาทีม เนื่องจากจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย

‘บริดเจส’ ที่เคยยิงกระจายในปีแรกก็เจ็บเป็นว่าเล่นจนถูกขายทิ้ง ส่วน ‘เจมส์ มิลเนอร์’ นักเตะจากอะคาเดมี่ ก็ถูกขายให้กับ นิวคาสเซิลในราคา 5 ล้านปอนด์

‘สตีฟ แบล็คเวลล์’ ต้องคุมทีมในสภาพที่มีแต่นักเตะไร้ค่าตัว และในปีนั้น ลีดส์ ยูไนเต็ด จำต้องขายทั้งสนามแข่งและสนามซ้อมเพื่อพยุงการเงินของสโมสร และสุดท้ายทนไม่ไหว จนบอร์ดบริหารได้ขายสโมสรให้ ‘เคน เบตส์’ อดีตประธาน เชลซี ให้เป็นเจ้าของ 50% ด้วยเศษเงินคนรวยเพียงแค่ 10 ล้านปอนด์เท่านั้น

แม้ ‘แบล็คเวลล์’ จะสามารถพา ลีดส์ ไปถึงเพลย์ออฟเพื่อชิงตำแหน่งกลับสู่พรีเมียร์ลีก แต่ก็ไปแพ้ให้กับ ‘วัตฟอร์ด’ ในรอบชิง

และซ้ำร้ายกว่านั้นในปี 2006 ‘เดนนิส ไวส์’ ที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาคุมทีมแทน ‘แบล็คเวลล์’ ที่ถูกไล่ออกไประหว่างฤดูกาลก็ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ใด ๆ ได้

ในวันที่ 4 พฤษภาคม ปี 2007 ทีมยูงทอง ไม่สามารถหาเงิน 35 ล้านปอนด์ มาเคลียร์หนี้ได้ ทำให้สโมสรต้องถูก ‘ล้มละลาย’ และถูกควบคุมกิจการ ซึ่งตามกฎจะถูกตัด 10 แต้มทันที จนต้องตกชั้นอีกครั้ง ลงไปเล่นถึง ‘ลีกวัน’

แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไปแค่นั้น เพราะแม้ว่าในเวลาต่อมา พวกเขาจะได้เจ้าของใหม่ แต่ด้วยความยุ่งเหยิงต่าง ๆ ทำให้ยูงทองยังสลัดเรื่องล้มละลายไม่หลุด ทำให้พวกเขาโดนตัดไปถึง 15 แต้มตั้งแต่เปิดฤดูกาล

แม้ 15 แต้มดูจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับขึ้นมาแชมเปี้ยนชิพอีกครั้ง แต่ด้วยผลงานของ ‘เดนนิส ไวส์’ ก็เกือบสร้างปาฏิหาริย์ได้ด้วยการติดอันดับเพลย์ออฟ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าลีดส์เหมือนทีมต้องสาป เพราะ เดนนิส ไวส์ ดันทะลึ่งลาออกไปนั่งบอร์ดให้ ‘นิวคาสเซิ่ล’ จนต้องแต่งตั้ง ‘แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์’ อดีตนักเตะของสโมสรเขาคุมทีมแทนในเดือนมกราคมปี 2008 และพาทีมเข้าถึงรอบชิงเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้นสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

แต่สุดท้ายก็นั่นแหละครับ ทำยังไงได้กับทีมต้องสาปนี้ ลีดส์ ก็ดันไปแพ้ให้กับ ดอนคาสเตอร์ 1-0 ในรอบชิงตามระเบียบ และ แกรี่ ก็ถูกตะเพิดพ้นตำแหน่งกุนซือในเดือนธันวาคมของฤดูกาลถัดมา เซ่นผลงานแพ้ 5 นัดรวด

                ‘ไซมอน เกรย์สัน’ เข้ามารับไม้ต่อแทน และก็ดูเหมือนจะไปได้สวย เมื่อพาทีมจบอันดับ 4 ได้สิทธิ์เตะเพลย์ออฟสำเร็จ แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะพูดยังไง เมื่อพวกเขาไปพ่ายให้กับ ‘มิลวอลล์’ อีกครั้งจนอดเข้ารอบชิง

(ต่อตอน 2)

ไม่ควรพลาดข่าวสารวงการฟุตบอล ตลาดซื้อขายนักเตะ ที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ Ball-Hub