ต่อมาในฤดูกาล 2009/10 ก็เสมือนกับเป็นปีที่เหล่า ‘ยูงทอง’ ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้ปลดแอกด้วยการคว้ารองแชมป์ลีกวัน แถมยังเขี่ย ‘ปีศาจแดง’ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกรอบ เอฟเอ คัพ รอบ 3  ที่ในขณะนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคุมทีมอยู่ ด้วยประตูโทนของ ‘เจอร์เมน เบคฟอร์ด’

และในเดือนธันวาคมปี 2012 เจ้าของสโมสรก็ได้เปลี่ยนมืออีกครั้ง และคราวนี้ก็เป็น ‘GFH Capital’ ที่ได้เข้ามาครอบครองด้วยการถือหุ้น 100% เต็ม และตลอดระยะเวลา 9 ปีในลีก ‘เดอะ แชมเปี้ยนชิพ’ อันดับ 7 คือตำแหน่งที่ดีที่สุดที่เหล่ายูงทองเคยทำได้

จนเมื่อเดือนเมษายนปี 2014 ‘มัสซิโม่ เซลลิโน่’ อดีตเจ้าของสโมสร ‘กายารี่’ ใน เซเรีย อา ได้เข้ามาครอบครองลีดส์ ยูไนเต็ดด้วยการครอบครองหุ้นจำนวน 75%

ลีดส์ ยูไนเต็ด

แต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่จุดสลัดเคราะห์ของพวกเขา เพราะเมื่อเดือนธันวาคมในปีดังกล่าว ทางลีกไม่ยอมอนุมัติการครอบครองสโมสรลีดส์ของมัสซิโม่ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติไม่ผ่าน อันมาจากกรณีเลี่ยงภาษีจากศาลในประเทศอิตาลี ทำให้ มัสซิโม่ ได้ถูกตัดสินห้ามบริหารยูงทองจนถึงสิ้นเดือนเมษายนในปี 2015

และนั่นก็คือชนวนเหตุให้แฟนบอลยูงทอง แสดงอาการไม่พอใจที่ มัสซิโม่ ดูท่าจะทำให้สโมสรต้องถอยหลังลงคลองอีกครั้ง โดยได้แต่งตั้ง ‘เดฟ ฮอคคาเดย์’ กุนซือไร้ประสบการณ์มาคุมทีม ก่อนจะถูกปลดหลังทำหน้าที่ได้เพียง 70 วัน

จากนั้นก็เป็น ‘ดาร์โก้ มิลานิค’ ที่เข้ามาคุมทีมได้เพียงเดือนเดียว สโมสรก็ทำการแต่งตั้ง ‘นีล เร้ดเฟิร์น’ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมใหม่อีกครั้ง

‘มัสซิโม่ เซลลิโน่’ ถึงกับเคยต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านหลังเข้ามาชมเกมในสนาม จนสุดท้ายต้องขายหุ้นทิ้งเพราะทนกระแสต่อต้านจากสังคมไม่ไหว

และในที่สุดในปี 2017 ‘อังเดร ราดริซซานี่’ นักธุรกิจชาวอิตาลี ก็ได้เข้ามาซื้อหุ้นจาก มัสซิโม่ไป 50% ก่อนจะกว้านซื้อส่วนที่เหลือทั้งหมดในอีกไม่กี่เดือนให้หลัง

‘ราดริซซานี่’ ได้ซื้อ ‘เอลแลนด์ โร้ด’ สนามเหย้าของทีมให้กลับมาอยู่ในครอบครองอีกครั้ง หลังจากที่สโมสรได้ใช้วิธีการเช่าสนามมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2004

‘Third Time Lucky’ หลังจากเปลี่ยนโค้ชไปสองครั้ง ราดริซซานี่ ก็มาประสบความสำเร็จกับผู้จัดการทีมคนที่ 3 และเป็นคนล่าสุดที่ยังคุมทีมอยู่จนปัจจุบันนี้อย่าง ‘มาเซโล่ บิเอลซ่า’ กุนซือที่รับค่าจ้างแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร

แม้ฤดูกาลที่แล้ว “ลีดส์ ยูไนเต็ด” ต้องอกหักซ้ำซากจากการที่ได้เข้าไปเพลย์ออฟด้วยการจบอันดับ 3 ของ เดอะ

แชมเปี้ยนชิพ แต่สุดท้ายก็ไปพ่ายสกอร์รวมให้กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 4-3

และวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่เหล่าแฟนบอลยูงทองต้องจารึกลงในประวัติศาสตร์สโมสรอีกครั้ง พวกเขาได้ผงาดกลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จหลังจากรอคอยมาอย่างยาวนานถึง 16 ปี จากความพ่ายแพ้ของเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

และในวันต่อมาลีดส์ ยูไนเต็ดก็ได้กรี๊ดกันก๊อกสอง จากความพ่ายแพ้ของ ‘เบรนท์ฟอร์ด’ นั่นคือการส่งพวกเขาคว้าแชมป์จาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อย่างเป็นทางการทันที

สงครามดอกกุหลาบในฤดูกาลหน้ากับคู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะกลับมาอีกครั้ง

ไม่ควรพลาดข่าวสารวงการฟุตบอล ตลาดซื้อขายนักเตะ ที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ Ball-Hub