ทีมชาติ อังกฤษ ของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ลุ้นเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูโร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เกมนี้พวกเขามาในระบบ 4-2-3-1 วาง แฮร์รี่ เคน เป็นหน้าเป้า โดยมี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ บูคาโย่ ซาก้า ทำเกมรุกอยู่ด้านข้าง ส่วนแดนกลาง ยังให้ เดแคลน ไรซ์ จับคู่กับ คัลวิน ฟิลลิปส์
ทางฝั่ง ทีมชาติเดนมาร์ก ของกุนซือ แคสเปอร์ ฮูลมาน์ พวกเขามาสู้ในระบบ 3-4-3 แนวรุกส่ง แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ลงประสานงานกับ มาร์ติน เบรธเวท และ มิคเคล แดมการ์ด โดยมี เอมิล ฮอยเบิร์ก และ โยอาคิม เมห์เล คอยปั้นเกมในแดนกลาง
ฟุตบอลยูโร 2020 : อังกฤษ พบ เดนมาร์ก
รอบรองชนะเลิศ : สนาม เวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
นาที13 : แฮร์รี่ เคน ได้ครองบอลตรงกลาง จ่ายออกซ้ายไปให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ข้างเขตโทษด้านซ้าย สเตอร์ลิ่ง พาโยกตัดเข้าเหลี่ยมเท้าขวาตามสูตร แล้วได้กดด้วยขวาระยะ 14 หลา แต่บอลไม่มีน้ำหนัก และเข้ามือ แคสเปอร์ ชไมเคิล
นาที16 : เดนมาร์ก ตัดบอลได้ที่กลางสนาม ฮอยเบิร์ก ลากจี้ไปที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วสับด้วยขวาทันที แต่บอลเบาไป พิคฟอร์ด รับสบาย แต่จังหวะต่อมา พิคฟอร์ด ขว้างบอลไปเข้าทาง แดมการ์ด ที่หน้าเขตโทษ ก่อนจะไหลออกซ้ายให้ เบรธเวท ได้ซัดด้วยซ้าย แฉลบกองหลังออกไป เป็นแค่ลูกเตะมุม
นาที25 : ดอลเบิร์ก เล่นสั้นๆกับ แดมการ์ด แล้วไปครองบอลอยู่มุมเขตโทษด้านบนทางซ้าย มีผู้เล่นอังกฤษล้อมอยู่ 4 คน ก่อนที่ แดมการ์ด จะแต่งเข้าเหลี่ยมเท้าขวา แล้วได้ปั่นโค้งๆด้วยขวา บอลหลุดเสาไกลไปพอสมควร
นาที30 : เดนมาร์ก ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านซ้ายระยะ 26 หลา มิคเคล แดมการ์ด ได้ปั่นโค้งๆด้วยขวา ส่งบอลข้ามกำแพง แล้วมุดเสียบใต้คานฝั่งซ้ายมือเข้าไปเลย ส่งให้ เดนมาร์ก เป็นฝ่ายออกนำ 1-0
นาที38 : ซาก้า ลุยมาทางขวา ไหลตามช่องเข้าไปในเขตโทษให้ แฮร์รี่ เคน วิ่งสอดไปรับบอลที่ด้านข้าง แล้วหักเข้ามาหน้าประตู บอลโดนขากองหลัง แล้วมาเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้แปเน้นๆที่หน้ากรอบ 6 หลา ใครเห็นก็ว่าเข้า แต่ยังติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิล
นาที39 : อังกฤษ มาทางขวาอีกครั้ง จังหวะนี้ แฮร์รี่ เคน แทงทะลุช่องให้ ซาก้า หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่เขาจะพาบอลไปสุดเส้นหลัง แล้วหักกลับมาหน้าประตู บอลกำลังจะไปถึง สเตอร์ลิ่ง ที่อยู่ห่างหน้าประตูไม่กี่เซน แต่ ซิม่อน เคียร์ พุ่งสกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูไปเลย ส่งให้ อังกฤษ ตามตีเสมอ 1-1
นาที55 : อังกฤษได้ฟรีคิกข้างๆเขตโทษฝั่งขวา เมสัน เมาท์ บรรจงเปิดโค้งๆไปที่เสาไกล และเป็น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ได้โหม่งเหน่งๆที่หน้ากรอบ 6 หลา บอลกำลังจะมุดเสาอยู่แล้ว แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิล ยังบินปัดออกข้างเสาไปได้
นาที73 : เมสัน เมาท์ ได้บอลที่ข้างเขตโทษทางขวา หาจังหวะเปิดเข้าไปในเขตโทษ แต่เปิดไม่ดีติดไซด์ก้อยมากไปหน่อย แต่ดันกลายเป็นดี บอลย้อยๆกำลังจะมุดใต้คาน แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิล ยังถอยไปปัดข้ามคานออกไปได้
จบเกม 90 นาที เสมอกันไป 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ ออกไปอีก 30 นาที
นาที94 : อังกฤษจ่ายขนานเส้นจากกลางสนามฝั่งขวา บอลทุละเข้าไปในเขตโทษ แฮร์รี่ เคน วิ่งสอดไปรับบอล แล้วได้แปเน้นๆข้างกรอบ 6 หลา แต่ยังติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิล แล้วกองหลังเคลียร์ออกมาได้
นาที98 : แจ็ค กรีลิซ รับบอลจากเพื่อนที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วตั้งป้อมยิงยัดด้วยขวาทันที บอลพุ่งแรงเข้ากรอบ แต่ ชไมเคิล ยังทุบออกมาได้ บอลยังมาเข้าทาง โฟเด้น ไคว่หลังคืนมาให้ แจ็ค กรีลิซ อีกรอบ คราวนี้เขาลากจี้เข้าไปในเขตโทษ แล้วดึงจังหวะดีดออกขวาให้ สเตอร์ลิ่ง แตะบอลหนีบล็อก 1 จังหวะ แล้วได้กดด้วยขวา ระยะ 17 หลา แต่บอลไปไหนไม่รู้
นาที102 : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กดสูตรติด ลากตะลุยเข้ามาในเขตโทษด้านขวา แล้วโดนสะกิดขาล้มลงในเขตโทษ กรรมการปรึกษาทีม VAR และให้เป็นจุดโทษ
จังหวะนี้ แฮร์รี่ เคน รับหน้าที่สังหาร ยิงจังหวะแรกไปติดเซฟ ชไมเคิล แต่บอลยังมาเข้าทาง แฮร์รี่ เคน วิ่งเข้าซ้ำดาบสองเข้าไปไม่เหลือ ส่งให้ อังกฤษ แซงนำ 2-1 และเอาชนะไปด้วยสกอร์นี้เลย
ทำให้ อังกฤษ ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ อิตาลี เป็นการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศรายการนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ไม่ควรพลาดข่าวสารวงการฟุตบอล ตลาดซื้อขายนักเตะ ที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ Ball-Hub ที่ได้รับการสนับสนุนจากเว็บไซต์ เล่นสล๊อตออนไลน์ แทงบอล บาคาร่า และเกมอื่นๆ ที่กำลังได้รับความนิยม และเชื่อถือได้ ได้เงินจริง
