เกมนัดตกค้างที่สนามทรูสเตเดี้ยม หรือสนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งถูกโยกมาจากช่วงรีสตาร์ทที่มีนักเตะของ บุรีรัมย์ ติดโควิด ก่อนที่จะได้คิวลงเตะกันในวันนี้ โดยสถิติก่อนเกมแข้งเทพไม่เคยคว้าชัยในถิ่นเหนือผผู้มาเยือนอย่างปราสาทสายฟ้าได้เลย ทำให้เกมนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะคว้าชัยได้ เพราะฤดูกาลนี้บุรีรัมย์มีปัญหาเยอะเหลือเกินกับการจูนทีมที่ไม่ลงตัว ทำให้หมดลุ้นไปถ้วยเอเชีย 2 ปีติดต่อกันแล้ว

        เกมนี้บียูวางผัง 4-4-2 แบบเลี่ยมเพชร ส่วนบุรีรัมย์ยึด 3-5-2 ระบบเก่งของกาม่า โดยเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น เจ้าบ้านเหนือกว่าในแง่การครองบอล แต่เมื่อพาบอลเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้เริ่มออกอาการ โดยเฉพาะการเชื่อมบอลระหว่างกลางสนามกับริมเส้นที่ดูเหมือนยังไม่ลงตัวทำให้เสียบอลไป ส่วนบุรีรัมย์รูปเกมเป็นรอง ออกบอลจากหลังบ้านลำบาก เพราะแนวรุกเจ้าถิ่นดันสูง

บุรีรัมย์

        จนเมื่อครึ่งชั่วโมงผ่าน บียูเริ่มต่อบอลไม่ได้ เพราะบุรีรัมย์เริ่มจับจังหวะเกมได้ด้วยการเข้าบีบเร็วให้แนวรุกเจ้าถิ่นพาบอลไปมุมอับ แต่ถึงกระนั้นการชิงบอลมาไม่ค่อยเกิดประโยชน์ เพราะใช้การแทงทะลุช่องไปยังกองหน้า ซึ่งไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

        ครึ่งหลังบียูออกมาเล่นด้วยความวูบวาบ มีโอกาสฉาบฉวยที่จะได้ประตูแต่ชนานันท์ทำไม่สำเร็จ ทำให้ต้องเลือกใช้วิธีการเคาะบอลไปเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งที่สังเกตเห็นคือการต่อบอลไม่มีการประสานงานร่วมกันเกิน 2 คน การเคาะของบียูจึงไม่น่ากลัวและไม่สามารถฉีกแนวรับบุรีรัมย์ได้ กระทั่งทอมเบียร์พยายามจะขึ้นไปสนับสนุน แล้วเลือกจ่ายคืนหลังให้ โฮโซไก แต่ดาวเตะชาวญี่ปุ่นปล่อยบอลไหล ทำให้โดนจักรพันธ์ฉกบอลไปยิงขึ้นนำ แต่หลังจากนั้น บียูที่โดนนำ 2 นาที ก็มาตีเสมอได้จากจังหวะที่วานเดอร์ ลุยซ์ เลี้ยงเดี่ยวเข้าไปยิง นี่จึงนับว่าเป็นโอกาสดีที่ลูกทีมของโค้ชแบนจะได้เซตเกมใหม่อีกครั้ง

บุรีรัมย์

บุรีรัมย์ แก้เกมด้วยการถอดกองหลังแล้วใส่กองลางลงมา

        ส่วนบียูถอยมาเป็นหลัง 3 และเพิ่มกองหน้า แต่แล้วด้วยความผิดพลาดของการส่งบอลคืนหลังทำให้เจ้าบ้านเสียเตะมุมและกลายเป็นประตูขึ้นนำ 1-2 ของทีมเยือน ซึ่งจังหวะโหม่งเป็นการเปิดได้อย่างพอดีที่ไม่สามารถโทษตัวประกบได้

        ช่วง 10 นาทีสุดท้าย บุรีรัมย์ซื้อเกมรับเต็มตัว แต่บียูก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะการต่อบอลไม่มีประโยชน์ จนเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์หลายนาที ทำให้เน้นการส่งบอลกับวานเดอร์ ลุยช์ เพื่อใช้บริการทักษะการลากเลี้ยงบอล พลางหวังว่าจะช่วยแบ่งแต้มได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ

        บทสรุปของเกมนี้ บียู ยังมีปัญหามากมายแม้จะเปลี่ยนโค้ชแล้ว ไล่ตั้งแต่กองหลังที่คืนบอลกันผิดพลาดจนมีส่วนสำคัญให้ทีมพ่ายแพ้ ขณะที่เกมรุกมีแต่การผ่านบอล ไม่มีการประสานงานจนนำไปสู่การจบสกอร์ ส่วนบุรีรัมย์ เกมนี้เป็นรองเกือบทุกมิติ ตั้งแต่การขึ้นบอลที่มีปัญหาเพราะไม่มีกลางคอยรับช่วงต่อ ทำให้แดนหน้าเงียบซึม การคว้า 3 แต้มในวันนี้มาจากการฉกฉวยความผิดพลาดที่คู่แข่งหยิบยื่นให้ และลูกทีมของนายใหญ่เนวินสามารถคว้ามันไว้ได้ด้วยการส่งบอลไปกองก้นตาข่าย   

ไม่ควรพลาดข่าวสารวงการฟุตบอล ตลาดซื้อขายนักเตะ ที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ Ball-Hub